👉 ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังสมัครงานหรืออาจจะกำลังมองหางานใหม่ โอกาสท้าทายใหม่ๆ อยู่ สิ่งหนึ่งที่ควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อมก่อนเนิ่นๆ คือ การเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน
👉 และนี่คือ สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษค่ะ
1
- อย่างแรกเลย คือ “การปรับ Mindset”
- หากมี Mindset ที่ถูกต้องแล้ว วิธีการและสิ่งอื่นๆ ที่เรากำลังจะทำก็จะถูกต้องตามไปด้วย
- จำไว้ว่า การสัมภาษณ์งาน ไม่ใช่ การมาอ่าน Resume ให้ฟังในห้องสัมภาษณ์
- เพราะหน้าที่ของ HR/ผู้สัมภาษณ์ คือ การหาคนที่ตรงกับ Qualifications/Requirements ของตำแหน่งงานนั้นมากที่สุด
- ด้วยเหตุนี้ แต่ละคำถามจึงเป็นตัวบ่งบอกว่าควรจะ “คัดเข้า” หรือ “คัดออก” ผู้สมัครที่อยู่ตรงหน้านี้ดี
ดังนั้น หน้าที่ของเราในฐานะผู้สมัคร คือ การนำเสนอคุณสมบัติของตัวเอง ว่าเราคือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนี้มากที่สุด
2
- คำว่า “คุณสมบัติ” ในที่นี้หมายถึงอะไร
- “คุณสมบัติ” ในที่นี้ หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ทัศนคติ ศักยภาพ บุคลิกภาพ หรือแม้แต่นิสัยใจคอ (เบื้องต้นที่สัมผัสได้ระหว่างการพูดคุยสัมภาษณ์) ของคุณ
- ทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แต่อยู่ที่เราจะค้นหาคุณสมบัติหรือศักยภาพในตัวเราได้อย่างไร
- เราจะนำเสนอสิ่งนั้นให้โดดเด่น น่าสนใจ และสามารถเอาชนะผู้สมัครรายอื่นๆ ที่มาสมัครงานในตำแหน่งเดียวกันกับเราได้อย่างไร
- เพราะไม่ใช่ทุกตำแหน่งที่จะเปิดรับพนักงานใหม่เข้ามาพร้อมกันทีเดียวหลายๆ คน ส่วนใหญ่รับเพียงตำแหน่งละคน ครั้งละคนเท่านั้น
เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณสามารถทำได้ คือ การเตรียมตัวให้ดีที่สุด ให้พร้อมที่สุด เพราะคุณมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวที่จะสัมภาษณ์งานในตำแหน่งนั้น บริษัทนั้น ในวันนัดสัมภาษณ์วันนั้น
3
- สิ่งที่จะช่วยให้เราเตรียมตัวได้ดีที่สุด คือ การค้นคว้าหาข้อมูลและการฝึกซ้อม
- มีผู้สมัครจำนวนไม่น้อยที่พลาดโอกาสดีๆ ในระหว่างการสัมภาษณ์ไปอย่างน่าเสียดาย อาจไม่ใช่เพราะเรื่องของความสามารถ แต่เป็นเพราะไม่ยอมเตรียมความพร้อมให้ดี
- หลายๆ คำถามดูเหมือนเป็นคำถามธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเป็นคำถามที่ใช้วัดความคิด ทัศนคติ ไหวพริบปฏิภาณ และความพร้อมของคุณว่าเตรียมตัวมาดีแค่ไหน ดังนั้น จึงควรตอบคำถามอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสให้คุณผ่านการสัมภาษณ์และคว้างานที่ต้องการไว้ได้สำเร็จ
- ไม่ว่าคุณจะมีเวลาเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ หรือมีเวลาเพียงน้อยนิดเพราะวันนัดสัมภาษณ์ที่กระชั้นชิดก็ตาม นี่คือสิ่งที่คุณ “ต้องทำ” หากอยากเพิ่มโอกาสได้งานของตัวเอง
👉 สิ่งที่คุณ “ต้องทำ” เพื่อเพิ่มโอกาสได้งานของตัวเอง 🎉
[1]
✅ ศึกษาข้อมูลใน Job Description ของตำแหน่งงานที่เรากำลังจะไปสัมภาษณ์ให้ละเอียดที่สุด เพราะนี่คือจุดที่สามารถใช้เชื่อมโยงเข้ากับความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ของเราได้
จำไว้ว่า การทำการบ้านเกี่ยวกับ Job Description มาอย่างดียังช่วยเราได้ “มาก” ในการตอบคำถามและตั้งคำถามต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายๆ ของการสัมภาษณ์ที่มักเปิดโอกาสให้ผู้สมัครถามคำถามที่อยากรู้ และนี่คือโอกาสที่คุณจะได้แสดงให้เห็นว่าคุณได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานและบริษัทนี้มาเป็นอย่างดี
[2]
✅ ศึกษาข้อมูลของบริษัทที่เรากำลังจะไปสมัครประกอบด้วย เช่น ประวัติความเป็นมา พันธกิจ วิสัยทัศน์ ผลประกอบการ รายได้หลักของบริษัทมาจากทางไหน ทิศทางธุรกิจในอนาคต เป็นต้น โดยอาจดูจากเว็บไซต์ ข่าวประสัมพันธ์ Facebook หรือสื่ออื่นๆ
[3]
✅ ข้อนี้สำคัญที่สุด นั่นคือ การฝึกซ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสัมภาษณ์งานที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ หรือการสัมภาษณ์งานภาษาไทยที่อาจมีการพูดคุยสอบถามเป็นภาษาอังกฤษบางช่วงเพื่อทดสอบทักษะและความสามารถในการสื่อสารของคุณ
❗ ดังนั้น จงอย่าประมาท อย่าชะล่าใจ อย่าดูถูกพลังของการฝึกซ้อม ไม่ว่าคุณจะเคยผ่านการสัมภาษณ์งานมากี่ครั้งแล้วก็ตาม เพราะแม้ตำแหน่งงานอาจเหมือนกันหรือคล้ายกัน แต่ ไม่มีการสัมภาษณ์งานครั้งใดที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะลักษณะนิสัยใจคอของผู้ที่มาสัมภาษณ์ บริบทของบริษัทหรือทีมที่คุณกำลังจะสมัครเข้าไปทำงานด้วย รวมทั้งประเภทธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ
- ด้วยเหตุนี้ หากคุณมีเวลาเพียงน้อยนิด อาจเลือกฝึกซ้อมแบบปากเปล่า ถ้าไม่มีใครคอยยิงคำถามให้คุณตอบ คุณอาจลองถามเองตอบเองได้เลย ลองตอบคำถามเหมือนกำลังนั่งสัมภาษณ์จริงๆ
- การที่คุณได้ฝึกซ้อมจะช่วยทำให้คุณรู้ว่า จุดไหนที่คุณตอบได้ดี ลื่นไหล จุดไหนที่คุณยังติดขัด ตะกุกตะกักอยู่ จุดไหนที่คุณตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจหรือลังเล ที่สำคัญ มีคำถามไหนที่คุณอาจคิดไม่ถึงบ้างหรือเปล่าว่าจะถูกถาม (ซึ่งอาจเป็นคำถามชี้ชะตาการได้งานของคุณก็เป็นได้) เป็นต้น
บอกตัวเองเอาไว้ว่า คุณมีความสามารถอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าตกม้าตายเพียงเพราะไม่ยอมฝึกซ้อมและเช็คอาวุธให้ดีก่อนลงสนามจริงเด็ดขาด!